
ภายใต้แรงกดดันจากคำพูดของพาวเวลล์ ดอลลาร์สหรัฐเริ่มสูญเสียเสถียรภาพ ขณะที่หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับประวัติการณ์และกระแส “ลดการพึ่งพาดอลลาร์” ทั่วโลกทวีความรุนแรง บทวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นถึงรอยร้าวในอำนาจดอลลาร์ และแนวโน้มใหม่ของตลาดฟอเร็กซ์ที่อาจเปลี่ยนสมดุลโลกการเงินในอนาคต
1. คำกล่าวของพาวเวลล์สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดการเงิน
เมื่อไม่นานมานี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ ได้ส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลายกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยกล่าวเป็นนัยว่าอัตราดอกเบี้ยอาจถูกปรับลดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ คำพูดนี้สร้างแรงกระเพื่อมในตลาดทันที ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ร่วงทะลุแนวรับสำคัญที่ 99 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปี นักลงทุนเริ่มกังวลว่าการเปลี่ยนท่าทีของเฟดอาจสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และลดความน่าดึงดูดของสินทรัพย์ดอลลาร์ในสายตาของนักลงทุนทั่วโลก
2. เงาของปัญหาหนี้สหรัฐฯ ปกคลุมทั่วประเทศ
จนถึงปี 2025 หนี้รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ พุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 130% ของ GDP ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ภาระหนี้มหาศาลนี้ทำให้รัฐบาลมีพื้นที่จำกัดในการดำเนินนโยบายการคลัง
แม้เฟดจะต้องการลดดอกเบี้ยเพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายของภาคเอกชนและครัวเรือน แต่การทำเช่นนั้นอาจยิ่งทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และลดความต้องการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อค่าเงินดอลลาร์ในระยะยาว
3. กระแส “ลดการพึ่งพาดอลลาร์” ทั่วโลกกำลังทวีความรุนแรง
ไม่เพียงแต่นโยบายของเฟดเท่านั้นที่กดดันเงินดอลลาร์ แต่แนวโน้ม “ลดการพึ่งพาดอลลาร์” (De-dollarization) กำลังขยายวงกว้างในหลายประเทศทั่วโลก
จีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย รวมถึงประเทศตลาดเกิดใหม่จำนวนมาก ได้เร่งใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าระหว่างประเทศ และเพิ่มการถือครองทองคำเป็นสินทรัพย์สำรอง
ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ชี้ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มการซื้อทองคำสุทธิมากขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในระบบดอลลาร์เริ่มลดลง ดอลลาร์อาจไม่ใช่ “สกุลเงินสำรองโลกเพียงหนึ่งเดียว” อีกต่อไป
4. มุมมองทางเทคนิค: ดอลลาร์ยังอยู่ในภาวะกดดัน
จากมุมมองทางเทคนิค ดัชนีดอลลาร์ได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากระดับสูงสุดที่ 104 ลงมาจนหลุดแนวรับที่ 99 ซึ่งเป็นสัญญาณการอ่อนตัวระยะกลาง หากไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 99.20 ได้ในระยะสั้น มีโอกาสสูงที่ราคาจะไหลลงต่อ โดยแนวรับถัดไปอยู่ที่ 97.50
ค่า RSI อยู่ต่ำกว่า 45 บ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาลงที่ชัดเจน และหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) ยังลดลงต่อ ดอลลาร์อาจเข้าสู่ช่วงปรับฐานระยะกลางอย่างเป็นทางการ
5. ผลกระทบต่อตลาดฟอเร็กซ์ทั่วโลก
การอ่อนค่าของดอลลาร์ได้ส่งผลให้สกุลเงินหลักอื่น ๆ แข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน:
EUR/USD กลับขึ้นมายืนเหนือ 1.10 ได้อีกครั้ง ได้แรงหนุนจากความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป
GBP/USD ทะลุ 1.28 และมีแนวโน้มจะทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1.30
ทองคำ (XAU/USD) กลายเป็นผู้ชนะที่แท้จริง ราคาพุ่งทะลุ 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ภาพรวมสะท้อนว่า ตลาดกำลังเปลี่ยนจาก “ตรรกะดอลลาร์เป็นศูนย์กลาง” ไปสู่ “ตรรกะการกระจายความเสี่ยงในหลายสินทรัพย์” อย่างชัดเจน
บทสรุป
คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของพาวเวลล์ได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของตลาดต่อเส้นทางนโยบายของเฟด และจุดประกายให้ทั่วโลกตั้งคำถามใหม่ต่อสถานะของดอลลาร์ในระบบการเงินโลก
ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจแบบ “สามสูง” — หนี้สูง, ขาดดุลงบประมาณสูง, เงินเฟ้อสูง — ความมั่นคงของดอลลาร์ในระยะยาวกำลังถูกท้าทาย
แม้ดอลลาร์จะยังคงเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินโลก แต่รอยร้าวเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ดอลลาร์อาจต้องเผชิญการแข่งขันจากทองคำ ระบบชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่น และสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC)
ในยุคที่ภูมิทัศน์ทางการเงินโลกกำลังเปลี่ยนผ่าน นักลงทุนควรจับตาความผันผวนของสินทรัพย์ที่อ้างอิงดอลลาร์ และมองหาโอกาสจากการปรับสมดุลของตลาดฟอเร็กซ์ในระดับโครงสร้างใหม่